10 อันดับ ตู้เย็นเล็ก ยี่ห้อไหนดี ปี 2024 แบรนด์ Baseus, SHANBEN, Camel

ถ้านึกถึงห้องครัวและนึกถึงการถนอมอาหาร เครื่องใช้ไฟฟ้าที่เรานึกถึงเป็นสิ่งแรกก็ต้องหนีไม่พ้นตู้เย็น ซึ่งตู้เย็นก็ได้มีการพัฒนาระบบต่างๆในเรื่องของเทคโนโลยีและดีไซน์หลากหลายมากมายให้ตอบโจทย์ต่อการใช้งานหลากหลายรูปแบบมากยิ่งขึ้น และตู้เย็นเล็กหรือมินิบาร์ก็เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจของผู้ที่ต้องการความสะดวกสบายในการเก็บเครื่องดื่มและอาหารต่างๆนอกห้องครัว เช่น ห้องพักส่วนตัว หรือพื้นที่ส่วนอื่นๆในบ้าง แม้กระทั่งสำนักงานต่างๆ ตู้เย็นเล็กนี้ถึงแม้จุดเด่นหลักๆจะเป็นเรื่องของขนาดที่เล็กสามารถจัดวางได้หลากหลายพื้นที่มากกว่าตู้เย็นใหญ่ แต่ก็ยังมีจุดที่ต้องพิจารณาก่อนเลือกซื้ออยู่ดี โดยจะเป็นเรื่องที่เราจะพูดถึงกันต่อไป

วิธีการเลือกซื้อตู้เย็นเล็ก

ถึงแม้ตู้เย็นเล็กจะมีการใช้งานที่ค่อนข้างคล้ายตู้เย็นทั่วไป แต่ก็มีอะไรหลายอย่างที่ต้องพิจารณาก่อนเลือกซื้อเช่นกัน

1) ขนาดและความจุ

                ถึงจะมีขนาดเล็กแต่เรื่องความจุก็เป็นสิ่งสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม เพราะตู้เย็นเล็กก็มีขนาดที่แตกต่างกันหลากหลายแบบเพื่อความเหมาะสมของสิ่งของที่ต้องการจะแช่หรือประเภทที่ต้องการจะใช้งาน เช่น

                ขนาดไม่เกิน 1.8 คิว เหมาะกับการแช่เครื่องดื่ม เครื่องสำอางก์ หรืออะไรที่ไม่มีกลิ่น และไม่ต้องการความเย็นมากนัก ไม่เหมาะกับการแช่อาหารสด ส่วนมากตู้เย็นขนาดนี้ควรจะติดตั้งในห้องนอนหรือห้องนั่งเล่น

                ขนาด 1.8 – 3.5 คิว เป็นขนาดที่ใหญ่ขึ้นมาอีกหน่อย เหมาะสำหรับคนที่ใช้ชีวิตคนเดียวในห้องพักหรือคอนโด อาจจะใช้สำหรับการแช่อาหารสำเร็จรูปหรือวัตถุดิบเล็กน้อยในการประกอบอาหารเนื่องจากมีช่องวางของที่เยอะมากขึ้น

                ขนาด 3.5 – 4.5 คิว เหมาะสำหรับผู้ที่นิยมทำอาหารรับประทานเองเป็นประจำแต่มีพื้นที่ค่อนข้างจำกัด เนื่องด้วยตู้เย็นขนาดนี้จะมีการแยกส่วนของช่องแช่เย็นและแช่แข็งออกจากกันอย่างชัดเจนเสมือนตู้เย็นใหญ่แต่มีขนาดเล็กลงนั่นเอง

                ขนาด 4.5 คิวขึ้นไป ซึ่งเป็นขนาดที่เทียบเท่ากับตู้เย็นไซส์ปกติแล้วนั่นเอง อาจจะใช้สำหรับเป็นตู้เย็นสำรองในการแยกเก็บจากตู้เย็นหลักก็ได้เช่นกัน

2) ความประหยัดไฟ กับฉลากเบอร์ 5

                เนื่องจากตู้เย็นขนาดเล็กจะกินไฟมากกว่าตู้เย็นไซส์ปกติเพราะขนาดที่เล็กไม่สามารถระบายความร้อนได้ดีเท่าที่ควร เพราะฉะนั้นสิ่งจำเป็นที่จะต้องพิจารณาแบบขาดเลยไม่ได้นั่นก็คือการกินไฟ ซึ่งฉลากเบอร์ 5 อาจจะช่วยให้ประหยัดไฟได้มากขึ้น โดยฉลากเบอร์ 5 นั้นอาจจะทำให้กินไฟลดลงเหลือแค่เพียง 220 หน่วย หรือ 573 บาทเลย

3) ชั้นวางภายในและพื้นที่จุของ

                เนื่องจากเป็นตู้เย็นเล็ก จึงมีพื้นที่จำกัดในการจัดวางของ แต่เรื่องนั้นจะไม่ใช่ปัญหาหากมีชั้นวางและพื้นที่ภายในที่เหมาะสม โดยการเลือกดีไซน์ที่มีพื้นที่สำหรับการจัดวางได้แบบเป็นสัดส่วน หรือมีชั้นวางแยกชัดเจน อาจจะอำนวยความสะดวกให้มากยิ่งขึ้นอย่างการที่ชั้นวางมีขนาดกว้างเหมาะสมต่อการแช่ สามารถถอดเข้า-ออกเพื่อปรับเปลี่ยนขนาดหรือทำความสะอาดได้ มีลิ้นชักสำหรับช่องแช่แยกเป็นสัดส่วนภายใน เพื่อให้ปรับอุณหภูมิได้เหมาะสมกับสิ่งที่แช่นั่นเอง

4) คุณสมบัติพิเศษอื่นๆ

                ตู้เย็นเล็กแต่ละรุ่นก็มีคุณสมบัติพิเศษอื่นๆเพิ่มเติมเข้ามาหลากหลายแล้วแต่รุ่น โดยส่วนากที่พบเห็นทั่วไปมีดังนี้

– ระบบทำความเย็นแบบคู่ (Dual-cooling system) คือการที่ช่องแช่แข็งกระจายลมเย็นแยกจากช่องแช่เย็นปกติ เพื่อความเหมาะสมสำหรับช่องแช่แข็งที่ต้องการแช่สิ่งที่ต้องการความเย็นเป็นพิเศษ

– ระบบกรองอากาศ (Air filtration) คือช่องกรองอากาศแบบคาร์บอนในตัวเครื่องที่จะช่วยลดกลิ่นอับภายในตู้เย็น

– แผงควบคุมและตรวจสอบการทำงาน (Programmable control pad) มีลักษณะเป็นแผงปุ่ม LCD ใช้สำหรับตั้งค่าอุณหภูมิ ล็อกความเย็น เช็กตัวกรอง และอื่น ๆ โดยการควบคุมจากแผงเดียวเพื่อเพิ่มความสะดวกสบาย

– ฟังก์ชั่นประหยัดพลังงาน (Energy-saving models) ทำให้ประหยัดไฟ และตู้เย็นสามารถทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพแบบไม่เปลืองพลังงาน หากคู่กับฉลากเบอร์ 5 แล้วก็จะทำให้ประหยัดไฟได้แบบ 2 เท่า

5) ความสะดวกในการทำความสะอาด

                ต้องเลือกตู้เย็นเล็กที่มีระบบละลายน้ำแข็งในตัว และมีถาดรองหยดน้ำ เพื่อไม่ให้ยุ่งยากในการทำความสะอาดมากจนเกินไป อาจจะดูเป็นเรื่องเล็กน้อยแต่ก็เป็นสิ่งสำคัญเช่นกันในการเลือกซื้อตู้เย็นเล็ก